1. นักวิ่งแต่ละประเภทต้องมาถึงบริเวณปล่อยตัวตามเวลาที่กำหนด และจะจัดกลุ่มผู้สมัครตามสถิติการวิ่งของผู้สมัครในบริเวณที่ปล่อยตัว โดยในแต่ละประเภทการแข่งขันนักวิ่งสามารถปล่อยตัวช้ากว่ากำหนดการ ได้ไม่เกิน 15 นาที (นับจากเวลาเริ่ม) หากพบว่านักวิ่งมาเข้าร่วมช้ากว่านั้น คณะกรรมการจัดการแข่งขันสงวนสิทธิ์ที่จะไม่อนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขัน

2. นักวิ่งจะต้องติดเบอร์วิ่งไว้ที่ด้านหน้าของเสื้ออย่างชัดเจนและติดชิพการแข่งขันให้ถูกต้อง

3. การนำเบอร์วิ่งและชิพของผู้อื่นมาใช้ในการวิ่ง จะถือว่าเป็นการเจตนาทุจริตในการแข่งขัน และจะตัดสิทธิ์ทุกกรณีหากพบว่านักกีฬามีรายชื่อรับรางวัล

4. นักกีฬาที่เริ่มการแข่งขันก่อนเวลาเริ่มที่กำหนดตามประเภทที่แข่งขัน หรือสัญญาณจากคณะกรรมการจัดการแข่งขัน จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน

5. คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้จัดกลุ่มสำหรับการปล่อยตัวนักกีฬาตามสถิติจากผลการวิ่งของนักกีฬาที่แจ้งมาพร้อมกับการสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน นักกีฬาจะต้องเข้าสู่จุดปล่อยตัวตามกลุ่มที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้จัดไว้ให้ หากคณะกรรมการจัดการแข่งขันตรวจพบในภายหลังว่านักวิ่งที่เข้าจุดปล่อยตัวไม่ตรงตามกลุ่ม ให้ถือว่าผิดกติกาการแข่งขันและตัดสิทธิ์แข่งขัน

6. นักวิ่งต้องวิ่งตามเส้นทางที่กำหนด (ตามลูกศร ริบบิ้น และป้าย/สัญลักษณ์บอกทาง) ห้ามใช้ทางลัด และต้องผ่านจุดตรวจสอบ (Check Point) ตามที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันกำหนดทุกจุด หากพบว่ามีการใช้ทางลัด หรือผ่านจุดตรวจสอบไม่ครบ ให้ถือว่าผิดกติกาการแข่งขันและตัดสิทธิ์แข่งขัน

7. การช่วยเหลือนักวิ่ง สามารถทำได้เฉพาะในบริเวณจุดพัก จุดปฐมพยาบาล จุดบริการน้ำดื่ม หรือจุดใดๆ ที่อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการจัดการแข่งขันเท่านั้น ไม่อนุญาตให้มีผู้ติดตามคอยช่วยเหลือนักวิ่งบนเส้นทางการแข่งขัน

8. กรณีนักวิ่งคอยหยิบน้ำ หรือส่งของให้กัน หากไม่ได้เป็นเหตุเพื่อช่วยให้ได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมาก ไม่ผิดกติกา แต่จะเสี่ยงต่อการถูกประท้วง ซึ่งเป็นอำนาจของทางคณะกรรมการตัดสิน ว่าการกระทำที่เกิดขึ้น เข้าข่ายการคอยช่วยเหลือสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้เปรียบหรือไม่

** การช่วยเหลือนักวิ่งกันเอง ในลักษณะของมิตรภาพ ไม่ถือว่าผิดกติกา ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน

9. นักวิ่งต้องไม่กระทำการใดๆ ซึ่งทำให้เกิดการล่าช้าในการแข่งขัน หรือกีดขวางการเข้าเส้นชัย

10. นักวิ่งจะต้องไม่ใช้อุปกรณ์อื่นใดเพื่อช่วยเหลือในการวิ่ง เช่น รองเท้าสเก็ต รถล้อเลื่อน ฯลฯ และต้องไม่ได้รับการช่วยเหลือกทางเทคนิคจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เทคนิคการแข่งขันในทุกกรณี

11. นักวิ่งจะต้องออกจากการแข่งขันในทันทีที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เทคนิคการแข่งขัน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่นักวิ่งทำผิดระเบียบการแข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่วินิจฉัยว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน

12. คณะกรรมการจัดการแข่งขันมีสิทธิ์ในการถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวในการเข้าร่วมการแข่งขันและถือเป็นสิทธิ์ของคณะกรรมการจัดการแข่งขันครั้งนี้ และอาจถูกนำเผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต โทรทัศน์ นิตยสาร เป็นต้น นักวิ่งสามารถนำภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และเสียงของตนเองไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ผู้จัดไม่อนุญาตให้นำภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวของงานและการแข่งขันไปใช้ในทางพาณิชย์

13. หากมีเหตุสุดวิสัยที่ต้องเลื่อนการแข่งขัน จะไม่คืนเงินค่าสมัครให้ไม่ว่ากรณีใด ๆ

1. การตัดสินจะใช้ชิพในการจับเวลา โดยรางวัลประเภททั่วไป (Overall) และรางวัล TOP100 ในการแข่งขันมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน จะใช้เวลาสิ้นสุด (Gun Time) ในการตัดสิน ซึ่งหมายถึงเวลาที่ปล่อยตัวจนกระทั่งถึงเวลาเข้าเส้นชัย ส่วนรางวัลประเภทกลุ่มอายุ (Age Group)  ของประเภทมาราธอน และฮาล์ฟมาราธอนจะใช้เวลาสุทธิ (Chip Time) ในการตัดสิน ซึ่งหมายถึงเวลาที่ชิพผ่านเส้นเริ่มต้น (Start) จนกระทั่งถึงเวลาที่ชิพผ่านเส้นชัย (Finish)

2. นักวิ่งทุกประเภทที่เข้าเส้นชัยภายในเวลาที่กำหนด จะต้องนำหมายเลขวิ่ง (BIB) มาแสดงตนเพื่อรับเหรียญรางวัล และเสื้อผู้พิชิต (Finisher Shirt) ในกรณีนักวิ่งประเภทฮาล์ฟ และมาราธอน บริเวณเส้นชัยภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันทันที  

3. นักวิ่งจะต้องรับอุปกรณ์สำหรับแข่งขัน (Race Pack) ได้แก่ เสื้อวิ่ง หมายเลขวิ่งพร้อมชิปตำแหน่งสำหรับระบุตำแหน่ง ตลอดจนเอกสารและอุปกรณ์อื่นๆ ในวัน เวลาที่ประกาศ หากนักวิ่งไม่มารับชุดอุปกรณ์สำหรับการแข่งขันในวันและเวลาดังกล่าว ถือว่าชุดอุปกรณ์เป็นกรรมสิทธิ์ของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ซึ่งสามารถแจกจ่าย นำไปใช้งานต่อ หรือทำลายตามความเหมาะสม 

4. การตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขันถือเป็นสิ้นสุด

5. กติกาอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้จะอ้างตามกติกาและกฎข้อบังคับตามสหพันธ์กรีฑานานาชาติ (IAAF)

1. คณะกรรมการจัดการแข่งขันอาจปฏิเสธไม่รับสมัคร หรือยกเลิกการรับสมัครสำหรับผู้สมัครซึ่งไม่อ่านและตกลงยอมรับในกติกาของการแข่งขัน ทั้งนี้นักกีฬาผู้เข้าร่วมต้องกรอกแบบฟอร์มรับสมัครที่เป็นทางการ หรือผ่านระบบสมัครออนไลน์ และให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อคณะกรรมการจัดการแข่งขัน และยอมรับเงื่อนไข
2. ห้ามสมัครซ้ำโดยผู้สมัครเดียวกัน หรือใช้ชื่อและข้อมูลผู้อื่นสมัครแทนตน
3. เมื่อผู้สมัครลงทะเบียนแล้ว ให้ถือว่าผู้สมัครคือนักวิ่งร่วมแข่งขัน จะไม่สามารถโอนย้ายสิทธิ์ในการเข้าร่วมได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการจัดการแข่งขัน โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะจัดช่วงเวลาให้นักกีฬาสามารถเปลี่ยนข้อมูลได้ตามความเหมาะสมต่อไป 

หมายเหตุ

1. การเปลี่ยนข้อมูลโดยนักกีฬาคนเดิม เช่น การเปลี่ยนจากระยะไกลเป็นระยะใกล้ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใดๆ แต่การเปลี่ยนจากระยะใกล้เป็นระยะไกล ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 50 บาท และส่วนต่างราคาค่าสมัครที่เพิ่มขึ้น
2. การเปลี่ยนข้อมูลซึ่งมีการเปลี่ยนตัวนักวิ่งและหรือข้อมูลการวิ่ง สำหรับ 3 ประเภท คือ มาราธอน ฮาล์ฟฯ และมินิฯ ต้องเสียค่าธรรมเนียม 200 บาท
3. การเปลี่ยนประเภทวิ่งทำได้เฉพาะระหว่างประเภทมาราธอน ฮาล์ฟฯ และมินิฯ เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนข้ามไปที่ประเภทเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ

4. การนับอายุนักวิ่งให้คำนวณจาก ปี พ.ศ.2567 ลบด้วยปี พ.ศ.ที่เกิด

5. ห้ามใช้ข้อมูลเท็จในการสมัคร หรือปลอมแปลงเอกสารประกอบการสมัคร
6. ไม่อนุญาตให้แก้ไขข้อมูลการสมัครภายหลังยืนยันข้อมูลแล้ว ดังนั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลการสมัครอย่างถี่ถ้วนก่อนบันทึกการสมัคร
7. คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ และระบบปฏิบัติการต่างๆ (Operating Systems) ของอุปกรณ์เหล่านั้นบางประเภท อาจทำให้การสมัครผิดพลาดได้ คณะกรรมการจัดการแข่งขันไม่สามารถรับผิดชอบการทำงานสำหรับทุกอุปกรณ์ได้ และไม่รับผิดชอบต่อการล่าช้าอันเกิดจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอันอาจเกิดขึ้น
8. คณะกรรมการจัดการแข่งขันไม่รับผิดชอบกรณีที่อีเมลที่แจ้งไว้ไม่ถูกต้อง ผู้สมัครมีหน้าที่เข้าตรวจสอบอีเมลในเว็บไซต์เอง
9. เนื่องจากผู้สมัครมีจำนวนมาก คณะกรรมการจัดการแข่งขันอาจไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับสถานะหรือผลการสมัครได้เป็นรายคนได้อย่างทันท่วงที
10. การมอบอำนาจให้ผู้อื่นลงทะเบียนรับหมายเลข วิ่งและอุปกรณ์แทน จะต้องแสดงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/พาสปอร์ตของผู้สมัคร หรือเอกสารอื่นที่ออกโดยหน่วยงานราชการพร้อมรับรองสำเนา ซึ่งมีหมายเลขตามที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น
11. ไม่มีการลงทะเบียนรับหมายเลขวิ่งและอุปกรณ์ในวันแข่งขัน
12. คณะกรรมการจัดการแข่งขันจะไม่มีการชดเชยค่าเสียหาย หรือรับผิดชอบใดๆ ต่อการโต้แย้งอันเนื่องจากการกรอกข้อมูลไม่สมบูรณ์หรือความผิดพลาดจากผู้สมัครครบตามเงื่อนไข

1. การประท้วงผู้ที่ได้รับรางวัล ให้ยื่นประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบการประท้วงที่คณะกรรมการกำหนด ภายในเวลา 30 นาที หลังประกาศผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ พร้อมวางเงินประกันจำนวน 1,000 บาท หรือ USD100 หากประท้วงไม่เป็นผล เงินประกันจะถูกปรับ เพื่อใช้ในกิจการการแข่งขันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ

2. การคัดค้านผลการแข่งขันนอกเหนือจากข้อ 1. ให้ยื่นเป็นลายลักษณ์อักษรหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ภายใน 7 วัน หลังจากประกาศผลการแข่งขัน

1. การปฏิบัติที่ผิดระเบียบการแข่งขัน หรือการปลอมแปลงเอกสารทุกกรณี ถ้ามีการสอบสวนและพิสูจน์ได้ในภายหลัง ผู้ได้รับรางวัลจะต้องคืนเงินรางวัลและถ้วยรางวัลโดยจะได้รับโทษจากคณะกรรมการและสหพันธ์กรีฑานานาชาติจนถึงที่สุด

2. หากทุจริตให้มีการตัดสิทธิ์ในการได้รับเหรียญรางวัล เสื้อผู้พิชิต ใบประกาศนียบัตรและติดสิทธิ์การเข้าร่วมการแข่งขันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติในครั้งต่อไป รวมถึงการแข่งขันในภาคีเครือข่ายขอนแก่นมาราธอน